เผยแพร่:
ปรับปรุง:
ศูนย์ข่าวศรีราชา – นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก แนะรัฐทบทวนมาตรการกักตัว 14 วัน นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยในระบบ “วัคซีนพาสปอร์ต” ป้องกันเปลี่ยนจุดหมายไปประเทศคู่แข่ง พร้อมเร่งจัดหาวัคซีนให้ครอบคลุมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
วันนี้ (5 มี.ค.) นายพิสูจน์ แซ่คู นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นกรณีที่มีกระแสข่าวว่า รัฐบาลจะสนับสนุนวัคซีนในล็อตที่ 2 จำนวนกว่า 500,000 โดสให้แก่ 5 จังหวัดเศรษฐกิจท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี ชลบุรี เชียง ใหม่ และกระบี่ เพื่อให้บุคลากรในภาคธุรกิจ ท่องเที่ยวได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึง
เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย หลังสถานการณ์โควิด-19 ระลอก 2 ในประเทศไทยและสถานการณ์ของโรคในหลายประเทศทั่วโลกเริ่มผ่อนคลายและมีแนวโน้มว่าจะเริ่มมีการเปิดประเทศต่างๆ มากขึ้นนั้น
ในความเห็นส่วนตัวแล้วมองว่า วัคซีนที่รัฐจะสนับสนุนให้กลุ่มจังหวัดด้านการท่องเที่ยวจะต้องมีเพียงพอและครอบคลุมคนทำงานมากกว่า 60% จึงจะสามารถสร้างความมั่นใจด้านการท่องเที่ยวได้
“และหากรัฐบาลต้องการให้การท่องเที่ยวเป็นตัวชูโรงในการกระตุ้นเศรษฐกิจก็จำเป็นจะต้องพิจารณาเรื่องของมาตรการกักตัว 14 วัน เพราะหากเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาภายใต้ระบบ “วัคซีนพาสปอร์ต” หรือการอนุญาตให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบ 2 โดส สามารถเข้าประเทศได้ก็ไม่ควรมีเรื่องของการกักบริเวณเป็น 14 วันเพราะไม่เช่นนั้นอาจทำให้นักท่องเที่ยวหันไปท่องเที่ยวยังประเทศคู่แข่งได้”
นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก ยังเผยอีกว่า หากประเทศไทยหวังจะให้การท่องเที่ยวเป็นสิ่งสำคัญในการกระตุ้นภาคเศรษฐกิจ ภาครัฐควรเร่งจัดหาวัคซีนมาฉีดให้เพียงพอต่อความต้องการ รวมทั้งออกมาตรการผ่อนปรนต่างๆ ให้เข้ากับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคที่เริ่มคลี่คลาย
“โดยส่วนตัวแล้วมองว่าภาวะการท่องเที่ยวของไทย หากยังคงเป็นไปในลักษณะเช่นนี้ ฤดูกาลท่องเที่ยว หรือ High Season ที่จะมีในช่วงปลายปีคาดการณ์ได้ว่าปริมาณนักท่องเที่ยวของพัทยา น่าจะกระเตื้องอยู่ที่ประมาณ 30-40% เป็นอย่างมาก และอาจต้องใช้เวลาอีก 4-5 ปีกว่าจะกลับมาอยู่ในภาวะปกติ” นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก กล่าว