30แฟ้มคดี : ล่าระทึก-จับแก๊งบังฟิตลวงเสี่ยกระบี่ฆ่าฝังดินปมแค้น-ถูกบุกทวงหนี้ตร.มั่นใจ-หลักฐานแน่น
เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด
ล่าระทึก-จับแก๊งบังฟิตลวงเสี่ยกระบี่ฆ่าฝังดินปมแค้น : เป็นคดีโหดที่เกิดขึ้นอย่างอุกอาจไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายใดๆ สำหรับกรณีการลงมือฆ่าโหด เสี่ยเจ้าของร้านอาหารและฟิชชิ่งใน อ.ลำทับ จ.กระบี่
ก่อนซ่อนเร้นศพด้วยการเผาทั้งรถยนต์ที่เหยื่อใช้เป็นพาหนะ แล้วขุดหลุมฝังทั้งรถทั้งคนหวังอำพรางคดีภายในสวนปาล์ม
ส่งฝากขัง
คิดว่าไม่มีใครทำอะไรได้!??
แต่สุดท้ายเรื่องก็เริ่มแดงขึ้น เมื่อญาติผู้ตายเผยพิรุธก่อนหายตัวไปนับสัปดาห์ ยืนยันว่าได้รับข้อมูลว่าเดินทางไปทวงหนี้จำนวน 3 แสนบาท
สุดท้ายก็หายตัวปริศนา เมื่อพยายามตรวจสอบว่าเป็นลูกหนี้คนไหน ก็ถูกมือมืดโทรศัพท์มาข่มขู่ให้เลิกติดตาม
บอกกันชัดๆ ว่าคนที่ตามหายกลายเป็นศพฝังดินไปเรียบร้อย
กลายเป็นคดีที่ต้องแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยติดตามและดำเนินคดี ในที่สุดแก๊งโหดทั้งหมดที่ส่วนใหญ่เป็นพี่น้องกันก็หนีไม่พ้น
ความจริงก็คลี่คลายว่าปมมรณะเกิดจากความโกรธแค้นที่ถูกทวงหนี้ลามไปถึงบุพการี
เป็นชนวนแห่งการสังหารโหดครั้งนี้
ฆ่าฝังเสี่ยกระบี่คาสวนยาง
เหตุการณ์นี้ปรากฏเป็นข่าวเมื่อวันที่ 13 พ.ค.ที่ผ่านมา โดย พ.ต.อ.พิษณุ อัชนะพรกุล รอง ผบก.ภ.จว.กระบี่ เปิดเผยว่า รับแจ้งจาก นางอารักษ์ ทับไทร อายุ 34 ปี เข้าแจ้งความที่ สภ. ลำทับ จ.กระบี่ ว่า นายสุชาติ ขาวล้วน อายุ 54 ปี พ่อของตัวเอง หายตัวปริศนาไปร่วม 1 สัปดาห์ โดยแจ้งความคนหายไว้เมื่อ วันที่ 4 พ.ค.
หลังจากที่ขับรถเก๋งโตโยต้า สีขาว ทะเบียน กน 6552 กระบี่ ออกจากบ้านใน อ.ลำทับ ช่วงเวลาประมาณ 08.00 น. บอกว่าจะเข้าไปทำธุระในตัวเมืองกระบี่ พร้อมนำโฉนดที่ดินไป 2 ฉบับ บอกจะไปกู้เงินที่ธนาคาร และบอกว่าจะไปเก็บเงินที่เพื่อนค้างอยู่ด้วย เพราะเพื่อนโทรศัพท์บอกให้เข้าไปเอาเงิน ก่อนที่จะหายตัวไป ไม่สามารถติดต่อได้
ฝังรถอำพราง
ต่อมาญาติช่วยกันโพสต์ตามหาในโลกโซเชี่ยล ก็ยังไม่พบเบาะแส แต่จู่ๆ มีบุคคลลึกลับแช็ตข้อความมาหาญาติของนายสุชาติ ระบุว่าไม่ต้องไปตามหา เพราะนายสุชาติถูกฆ่าฝังดินไว้ในสวนปาล์มเรียบร้อย หากไม่หยุดตามหาจะถูกฆ่ายกครัว
ขณะที่ตำรวจสืบสวนจนทราบว่า เพื่อนและลูกหนี้ที่นาย สุชาติบอกว่าจะมาตามทวงหนี้นั้น น่าจะเป็นนายสุริยา เริงสมุทร อายุ 32 ปี หรือที่รู้จักกันในพื้นที่ว่า ‘บังฟิต’ ซึ่งมีหนี้สินกันอยู่ราว 3 แสนบาท แต่แล้วก็หายตัวไป
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเริ่มต้นจากเบาะแสที่มี โดยเข้าตรวจสอบภายในสวนปาล์มน้ำมัน ซึ่งอยู่ในพื้นที่บ้านหนองแบก ต.หนองทะเล อ.เมือง จ.กระบี่ ห่างจากบ้านของบังฟิตประมาณ 300 เมตร พบมีรอยขุดฝังกลบขนาดใหญ่ และร่องรอยไฟไหม้ ทางปาล์ม
จึงใช้รถแบ๊กโฮเข้าขุด ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงก็พบซากรถต้องสงสัยถูกฝังดินลึก 4 เมตร กว้าง 6 เมตร จึงใช้รถแบ๊กโฮดึง ขึ้นมา พบสภาพถูกวางเพลิงไหม้ทั้งคัน แต่ยังสามารถยืนยันได้ว่าเป็นรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า ที่นายสุชาติขับออกจากบ้าน เบาะหลังพบป้ายทะเบียน กน 6552 กระบี่ แต่ไม่พบศพของผู้เสียชีวิต
ต่อมาในช่วงบ่าย เจ้าหน้าที่ปูพรมเดินสำรวจพื้นที่ใกล้เคียง ห่างจุดฝังรถประมาณ 650 เมตร พบร่องรอยขวดน้ำและขนมขบเคี้ยว โดยรอบมีรอยดินเพิ่งขุดใหม่ๆ มีความกว้างประมาณ 5 เมตร ลึกประมาณ 3 เมตร พบมีการนำยางพาราแห้งมาปิดไว้ก็เชื่อว่าเป็นหลุมฝังศพนายสุชาติ
จึงระดมกำลังเจ้าหน้าที่กู้ภัยทำการขุดก็พบศพที่อยู่ในสภาพใส่ในถุงดำที่เน่าเปื่อยและเสื้อผ้ามีรอยเปื้อนเลือดและดิน คล้ายถูกราดด้วยน้ำยาฆ่ายางหรือน้ำกรด ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดกระบี่จึงทำการตรวจสภาพศพ ซึ่งไม่พบเอกสารใดๆ ในตัวผู้ตาย ญาติยืนยันว่าเป็นศพนายสุชาติแน่
ปฏิบัติการล่าฆาตกรโหดจึงเริ่มต้นขึ้น!??
แค้นบุกทวงหนี้กับพ่อ
จากการชันสูตรพลิกศพพบว่ามีรอยกระสุนขนาด 9 ม.ม. ที่ศีรษะและราวนมข้างซ้าย ใกล้ที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุน 9 ม.ม. ขวดน้ำยาฆ่ายาง 23 ขวด คาดคนร้ายลวงนายสุชาติมาพูดคุยแล้วใช้ปืนยิงเสียชีวิต ก่อนนำศพไปฝัง ราดด้วยน้ำยาฆ่ายางไปเพื่อให้ศพเปื่อยเร็ว
นอกจากนี้ยังพบคนขับรถแบ๊กโฮ ที่ให้การว่ามีคนว่าจ้างให้ขุดหลุมขนาดใหญ่ อ้างว่าจะฝังวัวชนที่ตายไป 3 ตัว เมื่อขุดเปิดหลุมเสร็จก็เดินทางกลับ ไม่ทราบการนำรถไปฝังทั้งสิ้น
แน่นอนว่าผู้ต้องสงสัยอันดับ 1 จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากบังฟิต คู่กรณี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขออนุมัติหมายจับนายสุริยา เริงสมุทร อายุ 32 ปี หรือบังฟิต นายสุวิทย์ เริงสมุทร อายุ 26 ปี น้องชาย และนายสุรชัย เริงสมุทร อายุ 38 ปี พี่ชาย
บังฟิตหัวโจก
ต่อมากลางดึกวันที่ 14 พ.ค. นายสุวิทย์ น้องชายบังฟิต ที่ถูกออกหมายจับก็เข้ามอบตัว พร้อมรับสารภาพว่าถูกบังฟิตชักชวนให้มาร่วมสังหารนายสุชาติ โดยมีพวกทั้งหมดรวม 5 คน เริ่มที่จุดเกิดเหตุที่เขาโต๊ะหลวง ริมสวนยางพารา โดยบังฟิต พานายสุชาตินั่งมาในรถปิกอัพอีซูซุสีขาว ทะเบียน บพ 8680 กระบี่ เมื่อถึงที่เกิดเหตุก็พาผู้ตายลงจากรถ แล้วบังฟิตใช้ปืนยิงใส่นายสุชาติ 2 นัดจนเสียชีวิต ก่อนร่วมกับพวกอีก 3 คนเอาร่างนายสุชาติไปฝัง แล้วให้เงินตน 2,000 บาทไปว่าจ้างรถแบ๊กโฮมาขุดหลุมแล้วเอารถเก๋งลงไปฝัง จุดไฟเผาแล้วกลบทำลายหลักฐาน พร้อมอ้างว่าที่ทำลงไปเพราะหวาดกลัวบังฟิต
ทั้งนี้จากการสอบสวนเชื่อว่าเกิดจากปัญหาการทวงหนี้ เนื่องจากก่อนเกิดเหตุนายสุชาติเดินทางมาทวงหนี้ที่บ้านของ บังฟิต แต่ไม่พบ จนเกิดปากเสียงกับพ่อของบังฟิตในลักษณะรุนแรง จนบังฟิตโกรธแค้น หาว่านายสุชาติไปข่มขู่พ่อ และจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
ต่อมามีคนกลางมาไกล่เกลี่ยข้อพิพาท เงินที่ติดค้างก็ให้จ่ายคืน ส่วนที่นายสุชาติพูดจาไม่ดีก็ให้ขอโทษซึ่งกันและกัน ซึ่งนายสุชาติก็ขอโทษไปแล้ว ต่อมาบังฟิตก็โทรศัพท์หานายสุชาติ นัดวันคืนหนี้ 3 แสนบาท และนายสุชาติก็เดินทางไปหาบังฟิตที่บ้าน ก่อนถูกนำตัวไปยังสวนยาง พาราแล้วลงมือยิง ก่อนซ่อนเร้นอำพรางศพและรถยนต์
เป็นการวางแผนมาเป็นอย่างดี ด้วยความแค้นที่ถูกตามไปทวงหนี้กับพ่อ
จับยกแก๊ง-ขอสู้ชั้นศาล
หลังภาพเริ่มชัดเจน เจ้าหน้าที่ตำรวจก็รุกหนัก บุกกดดันทั้งที่บ้านญาติและคนรู้จัก พร้อมยื่นศาลขอหมายจับอีก 1 เป็นคนที่ 4 หลังมีพยานหลักฐานยืนยันว่าร่วมก่อเหตุด้วย คือ นายสุริยันต์ เริงสมุทร หรือบังกอหนี อายุ 30 ปี น้องชายบังฟิต
ต่อมาเมื่อวันที่ 21 พ.ค. ได้ยื่นศาลขออนุมัติหมายจับนายอาลิพ ช่างเรือ อายุ 27 ปี หรือบังลิพ ที่ร่วมกับบังฟิตสังหารนายสุชาติ และในคืนนั้นก็สามารถจับกุมบังลิพได้ หลังพบว่าหลบหนีไปอาศัยบ้านญาติในพื้นที่ ต.อ่าวนาง
โดยบังลิพรับสารภาพว่าได้ร่วมก่อเหตุ โดยรู้จักกับบังฟิตมานาน ช่วยงานต่างๆ ทั้งขนของ เลี้ยงวัว ตัดหญ้า อาบน้ำให้วัว จนกระทั่งวันที่ 3 พ.ค. บังฟิตสั่งให้เฝ้าอยู่ที่หน้าร้านรับซื้อเศษยาง เพื่อรอนายสุชาติ จนเมื่อเหตุนายสุชาติมาที่ร้านก็เข้าล็อกตัว พาไปที่สวนยางที่เกิดเหตุ แล้วร่วมฝังศพและเผารถผู้ตายด้วย
นายสุชาติผู้ตาย
บังลิพให้การนาทีสังหารว่า บังฟิตผลักนายสุชาติล้มลง แล้วลั่นไกยิง 3 นัด แต่นายสุชาติยังไม่ตาย บังกิบหลี หรือนาย สุรชัย จึงฉวยปืนจากมือบังฟิตมายิงซ้ำจนเสียชีวิต
และในช่วงค่ำวันที่ 22 พ.ค. ก็ได้ตัวการสำคัญ เมื่อบังฟิตติดต่อขอมอบตัวกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเจ้าหน้าที่ควบคุม บังฟิตได้ที่หน้าโรงเรียนชุมชนหนองเรือ อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น ก่อนนำขึ้น เครื่องบินไปดำเนินคดีที่ จ.กระบี่ ทันที ทั้งนี้การสอบสวนเบื้องต้นบังฟิตให้การรับสารภาพ ส่วนพี่น้องอีก 2 คนคือ นายสุรชัย หรือบังกิบหลี พี่ชาย และนายสุริยันต์ หรือบังกอหนี น้องชาย ไม่ทราบว่าหลบหนีอยู่ที่ไหน เพราะหลังก่อเหตุก็แยกย้ายกันหลบหนี
คล้อยหลังเพียง 1 วัน บังฟิตกลับคำให้การเป็นปฏิเสธและขอต่อสู้ในชั้นศาล
ต่อมาวันที่ 24 พ.ค. นายสุรชัย หรือบังกิบหลี และนายสุริยันต์ หรือบังกอหนี ก็เข้ามอบตัวที่หน้า สภ.อ่าวนาง พร้อมให้การปฏิเสธขอต่อสู้คดีในชั้นศาล
เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น โดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดย ไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันพกพาอาวุธปืนในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่นและ ทำให้เสียทรัพย์, ร่วมกันลอบฝังซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพ เพื่อปิดบังเหตุแห่ง การตาย
ไปสู้กันต่อในชั้นศาลยุติธรรม