กระบี่ – นายอำเภอเขาพนม จ.กระบี่ สั่งตรวจสอบพื้นที่ผู้ใหญ่บ้านใช้อิทธิพล ใช้รถแบคโฮ รุกห้วยบางกลาง บ้านหนองบัว พบบุกรุกจริงตามร้องเรียน ด้านผู้ใหญ่ยอมรับไม่มีเจตนา จนท.ชี้เท็จจริงยังไม่เข้าข่ายการกระทำผิด แค่เอาไม้ออกจากในห้วยเท่านั้น
จากกรณีจากชาวบ้านหนองบัว หมู่ที่ 2 ตำบลเขาดิน อำเภอเขาพนม จังหวัดกระบี่ ร้องเรียน พันเอก สมบัติ สืบท้วม รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดกระบี่ ว่า นายเดโช ขยายแก้ว ผู้ใหญ่บ้าน ม.5 บ้านทับพรุ ต.เขาดิน อ.เขาพนม ใช้อิทธิพลนำรถแบคโฮ บุกรุกลำห้วยสาธารณประโยชน์ของ หมู่ที่ 2 บ้านหนองบัว จึงให้ฝ่ายการข่าวร่วมกับตำรวจสันติบาลจังหวัดกระบี่ ลงพื้นที่ตรวจสอบพบมีการนำเครื่องจักรกลหนักขุดล้มต้นสาคู แล้วนำดินถมลำห้วยกว้าง 6 เมตร ยาว 80 เมตร เพื่อเตรียมปลูกต้นปาล์มน้ำมัน โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย ทั้งที่ผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านหนองบัว คัดค้านแล้วก็ตาม
ความคืบหน้า วันนี้ ( 9 มิ.ย.) นายนิรันทร์ ปราบอักษร นายอำเภอเขาพนม จังหวัดกระบี่ สั่งการให้นายเมียน ชูกลิ่น ปลัดอำเภอ ฝ่ายงานศูนย์ดำรงธรรมอำเภอเขาพนม นายจเร นามสน รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเขาดิน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายการข่าวกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตำรวจสันติบาลจังหวัดกระบี่ ลงพื้นที่ดูจุดที่ถูกบุกรุก พื้นที่เป็นลำห้วย ซึ่งมีนายอำนาจ หาญชนะ ผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านหนองบัว ร่วมชี้จุดเกิดเหตุและให้ข้อมูล ขณะเดียวกันนายเดโช ผู้ใหญ่บ้านได้มาร่วมดูพื้นที่ด้วย
พร้อมกันนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการตรวจวัดพื้นที่ลำห้วยถูกทำลายได้รับความเสียหาย รวมเนื้อที่กว้าง 9 เมตร ยาว 60 เมตร ต้นสาคู อายุหลายสิบปี ถูกทำลาย จำนวนมาก โดยมีซากต้นสาคูกองอยู่ริมสวนปาล์มน้ำมันของผู้ใหญ่บ้านรายกังกล่าว นอกจากนี้ยังพบต่อต้นสาคูกระจัดกระจายอยู่ในพื้นที่ที่ถูกทำลายอีกด้วย ซึ่งผลการตรวจพื้นที่ในครั้งนี้ นายเดโช ยอมรับผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะความไม่เข้าใจ ทั้งได้พูดคุยและทำบันทึกตกลงกันว่า จะนำพันธุ์ไม้ยืนต้นโตเร็วมาปลูกในพื้นที่ดังกล่าวโดยเร็ว และ จะไม่เข้ามาบุกรุกอีกต่อไป เมื่อมีการปลูกต้นไม้ทดแทนแล้วให้ผู้ใหญ่บ้านหนองบัว เข้ามาดูแลรับผิดชอบต่อไป
นายเมียน ชูกลิ่น ปลัดอำเภอฝ่ายงานศูนย์ดำรงธรรม อำเภอเขาพนม กล่าวว่า สภาพเดิมห้วยเป็นธรรมชาติกว้าง 6 เมตร มีต้นสาคูและต้นไผ่ปกคลุมทั้งสองข้าง และ เป็นพื้นที่ห้วยจริงๆ เบื้องต้นกันพื้นที่ห้ามใครบุกรุกอย่างเด็ดขาด พร้อมให้ผู้บุกรุกปลูกต้นไม้ทดแทน ส่วนการดำเนินคดีจากการตรวจสอบพื้นที่และข้อเท็จจริงยังไม่เข้าข่ายการกระทำผิด แต่ดูตามสภาพแค่เอาไม้ออกจากในห้วยเท่านั้น
ทางนายเดโช ขยายแก้ว ผู้ใหญ่บ้านที่นำรถแบคโฮเข้าปรับพื้นที่ลำห้วยดังกล่าว กล่าวว่า ที่ดินตรงนี้เป็นของพ่อตา ได้บอกว่ามีแนวเขตต้นสาคูที่ปลูกเอาไว้ ถือว่าเป็นทรัพย์สินของพ่อตา แล้วทำไปโดยคิดว่าไม่ได้รบกวนใคร เพื่อต้องการปรับพื้นที่ทำเป็นแปลงเกษตร ลำห้วยนี้ไม่เคยคิดจะทำลายเพราะว่าเว้นไว้ 20 กว่าปีเมื่อทำผิดไปต้องขออภัย จะปรับปรุงพื้นที่แห่งนี้ให้กลับคืนสู่สภาพเดิมให้เร็วที่สุด ยอมรับว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์