2 ก.พ. 2564 นายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือแนวทางการบูรณาการและการประสานงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานด้านการคมนาคมทางอากาศว่า ที่ประชุมได้มอบให้กรมท่าอากาศยาน (ทย.), บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย (บวท.) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. และสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) นำเสนอปัญหา อุปสรรค และแนวทางออกในการแก้ไขปัญหาด้านการบินร่วมกัน เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่า แม้ทั้ง 4 หน่วยงานจะมีการบูรณาการร่วมกันในการทำงานบ้างอยู่แล้ว
ทั้งนี้ก็ยังมีปัญหาอุปสรรคเกิดขึ้นหลายกรณี โดยเฉพาะปัญหาเรื่องความปลอดภัยในการขึ้นและลงของเครื่องบินในบางสนามบิน อาทิ ท่าอากาศยานกระบี่ มีการสร้างอาคารใหม่บดบังทัศนวิสัยของหอบังคับการบินของ บวท. และท่าอากาศยานเบตง มีต้นไม้ที่บดบังทัศนวิสัยในการร่อนลงจอด ทั้งหมดนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องไปดำเนินการแก้ไขปัญหาต่างๆ และนำมารายงานในครั้งต่อไป
นายถาวร กล่าวว่าสำหรับภาพรวมรายได้ของธุรกิจการบินปี 2563 ลดลงเหลือประมาณ 10% ซึ่งทั้งปริมาณผู้โดยสารและรายได้ลดต่ำสุดในเดือน เม.ย.63 จากนั้นได้เริ่มปรับตัวดีขึ้นจนปัจจุบันเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 50-60% แต่เมื่อเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ มีการปรับตัวลดลงเล็กบ้าง แต่เบื้องต้นคาดว่าแนวโน้มรายได้ในปี 64 น่าจะปรับตัวดีขึ้นกว่าปี 63 เนื่องจากจะมีวัคซีนเข้ามาไทยในช่วงกลางเดือน ก.พ.นี้
“ตามเดิมคาดว่าการบินภายในประเทศจะเริ่มฟื้นตัวในช่วงปี 65-66 และระหว่างประเทศจะฟื้นตัว ปี 66-67 แต่ขณะนี้เมื่อต้องเจอกับโควิด-19 ระลอกใหม่ จึงต้องรอดูผลการประเมินจากสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (AITA) อีกครั้ง”นายถาวรกล่าว
นอกจากนี้ได้มอบหมายให้ ทย. เร่งจัดทำแผนหารายได้จาก 29 สนามบิน เพื่อชดเชยรายได้จากผู้โดยสารที่ลดลงในช่วงโควิด-19 อาทิ บริการขนส่งสินค้าทางอากาศ (Air Cargo), บริการภาคพื้น ขณะเดียวกันได้มอบหมายให้ฝ่ายธุรกิจดูแลบริหารจัดการพื้นที่ภายในท่าอากาศยานให้เกิดประโยชน์มากที่สุด เช่น การให้เช่าพื้นที่ทำโรงซ่อมอากาศยาน(Hangar) เป็นต้น