ตามที่ได้กล่าวไปเมื่อตอนที่แล้ว 5 ยอดยุทธที่ได้รับการยกย่องในอมตะนิยายของกิมย้ง มังกรหยก ภาค 1 และภาค 2 แต่ละคนล้วนมีวิชาฝีมือร้ายกาจ รวมทั้งการใช้ชีวิตที่แสนพิสดารและน่าสนใจยิ่ง สามารถนำมาใช้เป็นข้อคิด เป็นแบบอย่างและอุทาหรณ์ได้เป็นอย่างดี ยอดฝีมือที่จะกล่าวถึงคนต่อไปคือ เจ้าเกาะดอกท้อ อึ้งเยี๊อะซือ หรือฉายา มารบูรพา
มารบูรพา หรือ อึ้งเยี๊อะซือ ผู้มีนิสัยประหลาดและชอบสวมหน้ากาก เป็นยอดฝีมือที่เก่งทั้งบุ๋นและบู๊ มีวิชาหลากหลาย อาทิ ฝ่ามือเทพกระบี่สยบผู้กล้า เพลงกระบี่ขลุ่ยหยก เพลงเตะพายุกวาดใบไม้ ดรรชนีเส่งคุณ เป็นต้น นอกจากนั้นยังเชี่ยวชาญกลยุทธ์ ค่ายกล หมากรุก ศิลปะและดนตรี เป็นคนแปลก ไม่ยึดติดขนบธรรมเนียมประเพณี ชอบสันโดษ ทำตนลึกลับ ไม่ชอบเข้าสังคมและชอบสวมหน้ากาก ดูสุขุมรอบคอบแต่บางครั้งอารมณ์แปรปรวนฆ่าคนได้ไม่กระพริบตา สิ่งเดียวที่เขาดูจะยึดมั่นถือมั่นอยู่ก็คือ ความรักที่มีต่อภรรยาที่จากไปและอึ้งย้ง ลูกสาวคนเดียวของเขา
อึ้งเยี๊อะซือร่วมถกกระบี่ที่เขาหัวซานครั้งแรกและพ่ายแพ้แก่เฮ้งเตงเอี๊ยง เขาหวังว่าจะได้ยลคำภีร์ เก้าอิมจินเก็งสักครั้งกระทั่งได้มาพบกับจิวแป๊ะทงโดยบังเอิญ จิวแป๊ะทงนิสัยเหมือนเด็กถูกภรรยาของอึ้งเยี๊ยะซือล่อหลอกขออ่านคำภีร์ ด้วยนางมีความจำเป็นเลิศนางกลับไปเขียนคำภีร์ให้สามีได้ศึกษา แต่มีเหตุเกิดขึ้นเมื่อลูกศิษย์สองคนของอึ้งเยี๊ยะซือ คือ ตั้งเฮียงฮวดและบ๊วยเถียนฮวง แอบรักกันแต่กลัวอาจารย์จับได้จึงคิดหนีไปจากเกาะดอกท้อแถมไม่ได้หนีไปเฉยๆกลับขโมยคำภีร์ไปด้วย อึ้งเยี๊ยะซือโกรธจนต้องระบายทำร้ายศิษย์คนอื่นจนขาพิการและขับไล่ออกจากเกาะทั้งหมด
ฮูหยินของอึ้งเยี๊ยะซือขณะกำลังตั้งครรภ์จึงทุ่มเทพลังกายพลังใจเขียนคำภีร์เก้าอิมจากความทรงจำของนางขึ้นมาใหม่ให้กับสามี สุดท้ายนางเสียชีวิต อึ้งเยี๊ยะซือเสียใจมาก เขาเก็บศพภรรยาไว้ในห้องเย็นที่จัดแต่งอย่างดีและไปพูดคุยด้วยเป็นประจำ แม้ภายนอกจะกล่าวโทษศิษย์ทั้งสองที่ขโมยคำภีร์และเฒ่าทารกที่เอาคำภีร์มาให้อ่านแต่ลึกๆแล้ว มารบูรพารู้อยู่แก่ใจว่า เป็นเพราะเขาที่อยากศึกษาวรยุทธ์ในคำภีร์เก้าอิม ภรรยาจึงต้องตายก่อนวัยอันควรและทำให้ลูกสาวเป็นกำพร้า เมื่ออึ้งย้งเติบโตขึ้นและมีเรื่องขัดใจกับพ่อ นางจึงหนีออกจากเกาะดอกท้อไปผจญภัยในยุทธภพและได้พบกับก๊วยเจ๋ง
ทีแรกอึ้งเยี๊ยะซือไม่ชอบก๊วยเจ๋งเพราะความซื่อจนดูเหมือนเซ่อและตำแหน่งราชบุตรเขยดาบทองที่ติดตัวก๊วยเจ๋งมาจากมองโกล แต่เพราะความรักลูกและเห็นจุดจบอันน่าสลดของลูกศิษย์ ตั้งเฮียงฮวดและบ๊วยเถียนฮวง ที่ไม่สมหวังและต้องตายอย่างอนาถ เขาจึงยอมรับก็วยเจ๋ง และภายหลังได้เป็นกำลังสำคัญในการวางแผนการรบช่วยก๊วยเจ๋งปกป้องเมืองเซียงเอี๊ยงจากการรุกรานของมองโกล อย่างไรก็ตามอึ้งเยี๊ยะซือชอบพอนิสัยของเอี้ยก้วยที่ดูแล้วมีส่วนคล้ายกับตัวเองคือมีทั้งดีและไม่ดีพอๆกัน อีกทั้งไม่สนใจกับขนบธรรมเนียมที่คร่ำครึ มารบูรพาถึงกับยอมรับเอี้ยก้วยเป็นสหายต่างวัย
พูดถึงยาจก ภาพของขอทานในชุดเสื้อผ้าขาดวิ่นมอมแมม สะพายถุงผ้าหิ้วน้ำเต้าและถือไม้เท้า เดินกันขวักไขว่เต็มบ้านเต็มเมือง ภาพลักษณ์อาจดูไม่ดีแต่ขอทานเหล่านี้เป็นกำลังสำคัญในการปกป้องแผ่นดินต้าซ้องจากชนเผ่าอื่นที่คอยจ้องรุกราน ในยุทธจักรของมังกรหยกทั้งภาคที่ 1 และภาคที่ 2 รวมถึงอมตะนิยายเรื่องอื่นๆของกิมย้งด้วย พรรคยาจกมีบทบาทสำคัญในเรื่องดังกล่าว หัวหน้าพรรคยาจกเป็นหนึ่งใน 5 ยอดฝีมือที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้มีคุณธรรมเป็นเลิศ นาม อั้งชิดกง หรือ ยาจกอุดร แตกฉานวิชา 18 ฝ่ามือพิชิตมังกรและไม้เท้าตีสุนัข นอกจากมีคุณธรรมเป็นเลิศแล้ว ยังเป็นคนที่อยู่ไม่เป็นที่ ชอบท่องเที่ยวเดินทาง ติดใจอาหารรสเลิศ จนครั้งหนึ่งเสียงานเสียการเพราะความตะกละของตนเอง จึงตัดสินลงโทษตัวเองโดยการตัดนิ้วข้างหนึ่งทิ้งต่อหน้าลูกพรรคจึงมีฉายาอีกชื่อหนึ่งว่า ยาจกเก้าดรรชนี
อั้งชิดกงพ่ายแพ้ในการประลองถกกระบี่ที่เขาหัวซานครั้งแรก หลังจากนั้นเขาเดินทางท่องยุทธภพและทำงานตามอุดมการณ์ของพรรคยาจกโดยให้ลูกพรรคสอดส่องดูแลบ้านเมือง ขัดขวางพวกต่างชาติที่คอยจะเข้ามาแผ่อิทธิพลในแผ่นดินซ้อง เขาไม่ได้ใส่ใจหรือมุ่งหวังที่จะครอบครองคำภีร์เก้าอิมจินเก็งแต่อย่างใด พรรคยาจกเป็นพรรคขนาดใหญ่ มีขอทานทั่วหล้าอยู่ในอาณัติและมีลำดับชั้นการปกครองดูแลที่ชัดเจนจากกระเป๋าผ้าที่สะพายเอาไว้
ยาจกอุดรเดินทางท่องยุทธภพจนได้มาพบกับสองหนุ่มสาวก็วยเจ๋งและอึ้งย้ง ที่กำลังขัดขวางอาว เอี๊ยงเคียกกับพวกลักพาหญิงชาวบ้าน อั๊งชิดกงยื่นมือเข้าช่วยและพอใจที่หนุ่มสาวทั้งสองเป็นคนดีมีคุณธรรมยอมสอนวิชา 18 ฝ่ามือพิชิตมังกรให้ก๊วยเจ๋ง ทีแรกตั้งใจจะสอนสักท่าสองท่า เพราะสอนไปสอนมารู้สึกรำคาญใจที่เจ้าหนุ่มคนนี้หัวช้าฝึกเท่าไหร่ก็ไม่สำเร็จเสียที แต่สุดท้ายต้องยอมสอนต่อไปเรื่อยๆจนรับเป็นศิษย์เพราะชื่นชอบฝีมือทำอาหารของอึ้งย้ง และมองเห็นถึงความมุมานะอุตสาหะของก็วยเจ๋งนั่นเอง
ยาจกอุดรใช้ชีวิตเรียบง่ายสมเป็นขอทาน ปกป้องแผ่นดินทำตามอุดมการณ์ของพรรค ให้ลูกพรรคปฏิบัติตามกฎ ที่เหลือเดินทางท่องเที่ยว หิวก็กิน ง่วงก็นอน เจออะไรที่ไม่ชอบธรรมเห็นคนอ่อนแอถูกเอาเปรียบรังแกก็ให้ความช่วยเหลือตามกำลังฐานะ ยาจกเฒ่าไม่ใช่ศิลปิน ไม่ใช่คนที่คิดอะไรซับซ้อน ผิดถูกว่ากันไปตรงไปตรงมา ชีวิตดูเหมือนไม่วุ่นวายแต่ก็เกือบเอาชีวิตไม่รอดอยู่หลายครั้ง เพราะชอบเข้าไปช่วยเหลือคนอื่น ช่วยทั้งคนดีและคนไม่ดี เช่น ช่วยก๊วยเจ๋งลูกศิษย์ของตนประลองยุทธกับอาวเอี๊ยงเคียกหลาน(ลูก)ของอาว เอี๊ยงฮง และขณะต่อสู้กับบนเรือที่ไฟไหม้อาวเอี๊ยงฮงกำลังจะถูกไฟคลอกขอทานเฒ่ากลับช่วยเหลือจนตัวเองโดนลอบทำร้ายได้รับบาดเจ็บสาหัสและสูญเสียวรยุทธ์
อั้งชิดกงได้ให้สติกับผู้คนในเรื่องผิดชอบชั่วดีและผลของการกระทำ เมื่อครั้งการประลองยุทธ์ที่เขาหัวซานครั้งที่ 2 คิ้วไชยิ้มกำลังเข้าตาจนเพราะมียอดฝีมือรุมล้อมมากมายทั้งอิดเต็งไต้ซือ จิวแป๊ะทง ก๊วยเจ๋ง เอ็งโกวและอึ้งย้ง แต่คิ้วไชยิ้มใช้วาจาสกัดไม่ให้ตัวเองถูกรุมโดยจี้ไปที่ปมของแต่ละคนว่า ไม่มีใครไม่เคยทำผิดทำชั่วกันบ้าง ทุกคนต่างเงียบ เพราะต่างมีบาดแผลในใจกันทั้งนั้น มีเพียงอั้งชิดกงที่แย้งขึ้นว่า ตนนี่แหละจะจัดการคิ้วไชยิ้มเอง ตนฆ่าคนมามากแต่คนที่ตนฆ่าล้วนสมควรตายทั้งสิ้น คิ้วไชยิ้มก็เช่นกัน สุดท้ายคิ้วไชยิ้มสำนึกบาปได้ ละทางโลกออกบวชเป็นศิษย์ของอิดเต็งไต้ซือ
แม้เป็นยาจกที่ดูภายนอกเหมือนคนต่ำต้อย แต่ยากจกอุดร อั้งชิดกง นับเป็นจอมยุทธคุณธรรมที่มีจิตใจยิ่งใหญ่ผู้หนึ่งทีเดียว
ยอดยุทธคนสุดท้ายที่จะมิกล่าวถึงคงไม่ได้ ยอดฝีมือที่ชนะการประลองถกกระบี่ที่เขาหัวซานครั้งแรก เฮ้งเตงเอี๊ยง หรือ กลางอิทธิฤทธิ์ ผู้ก่อตั้งสำนักชวนจินก่า แตกฉานวิชามากมายอาทิ พลังธาตุธรรมชาติ เพลงกระบี่ชวนจิน ค่ายกลเจ็ดดาว เป็นต้น
เฮ้งเตงเอี๊ยงเป็นศิษย์พี่ของจิวแป๊ะทงและมีศิษย์รุ่นแรก 7 คน คือ 7 นักพรตแห่งชวนจินก่า ที่ใช้วิชาค่ายกลเจ็ดดาวของอาจารย์รับมือกับยอดฝีมืออย่างอึ้งเยี๊ยะซือมาแล้ว ในยุคสมัยของมังกรหยกภาคที่ 1 และภาคที่ 2 เฮ้งเตงเอี๊ยงได้เสียชีวิตไปแล้ว แต่ถูกพูดถึงจากตัวละครอื่นมากมายหลายตอน ทำให้ได้เห็นภาพของนักพรตผู้เปี่ยมด้วยคุณธรรม มีจิตเมตตาและฝีมือสูงส่ง ได้รับชัยชนะในการประลองถกกระบี่ที่เขาหัวซานครั้งแรก ได้ครอบครองคำภีร์เก้าอิมจินเก็งแต่เก็บคำภีร์ไว้ใต้เบาะที่ตนนั่งไม่ได้ฝึกวิชาในคำภีร์
ในวัยหนุ่มเฮ้งเตงเอี๊ยงได้รวบรวมชาวยุทธ์ช่วยทางการต่อต้านพวกกิมก๊กที่รุกรานแผ่นดินแต่ต้านไม่ไหวจนหนีมาเก็บตัวอยู่ที่สุสานโบราณ ได้รู้จักและรักใคร่ชอบพอกับจอมยุทธหญิง ลิ้มเซียวเอ็ง อาจารย์ยายของเซียวเล้งนึ่งและลี้มกโช้ว แต่ด้วยทิฐิมานะด้วยกันทั้งคู่สุดท้ายเฮ้งเตงเอี๊ยงเลือกที่จะปลีกวิเวกเป็นนักพรตก่อตั้งสำนักชวนจินก้า ส่วนลิ้มเซียวเอ็งครอบครองสุสานโบราณ
เฮ้งเตงเอี๊ยงเสียชีวิตด้วยโรคร้าย เขาสั่งห้ามศิษย์น้องและศิษย์ทุกคนฝึกวิชาในคำภีร์เก้าอิม สำนักชวนจินหลังการเสียชีวิตของเฮ้งเตงเอี๊ยงค่อยๆตกต่ำและสาบสูญไปจากยุทธภพ แม้ว่าจิวแป๊ะทงจะมีฝีมือสูงส่งแต่นิสัยเป็นเด็กจึงไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวหรือสั่งสอนลูกศิษย์รุ่นหลังๆ เจ็ดนักพรตแห่งชวนจินแม้มีฝีมือในระดับหนึ่งแต่ยังสู้อาจารย์และอาจารย์อาไม่ได้ ส่วนศิษย์รุ่นหลังของสำนักหลังจากนั้นไม่มีใครโดดเด่น
5 ยอดฝีมือทุกคนต่างมีฝืมือยอดเยี่ยม สามารถกำราบผู้คนในยุทธภพได้อย่างไม่ยากเย็น แต่ไม่ใช่ว่าจะเป็นสุข สมหวังและสมปรารถนาเสมอไปตรงข้ามทุกคนต่างเคยพลาดพลั้งไม่มากก็น้อย บางคนต้องเสียใจ ผิดหวัง และเจ็บปวด เฮ้งเตงเอี๊ยงแม้ว่าจะเก่งกาจแต่ไม่อาจสมหวังในรักกับลิ้มเซียวเอ็ง และรู้ว่าตัวเองยังมีความโลภอยู่จึงอยากได้คำภีร์เก้าอิม อาวเอี๊ยงฮงยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ตนเองเป็นหนึ่งในยุทธภพและเป็นชู้กับภรรยาของพี่ชายตัวเอง แต่ก็รักและยอมทำทุกอย่างเพื่อลูก ราชันย์ทักษิณกลัวที่จะสูญเสียพลังยุทธจึงไม่ยอมรักษาทารกน้อย ทำให้เกิดความแค้นติดพันกับเอ็งโกวต่อมาอีกหลายปี มารบูรพาเพราะความอยากศึกษาคัมภีร์เก้าอิมภรรยาจึงต้องจากไป ส่วนอั้งชิดกงเพราะความใจอ่อนและเห็นแก่กินจึงทำให้เสียงานและเกือบเสียชีวิต
เพราะคำว่า ยอดฝีมือแห่งยุทธภพ ที่สองบ่าแบกรับอยู่นั้น ใช่ว่าจะเพียบพร้อมไปเสียทุกอย่าง ดังนั้นเมื่อเป็นมนุษย์ จึงต้องพร้อมที่จะยอมรับกับความผิดหวังและความสูญเสียด้วยเช่นกัน
…
ประวัติผู้เขียน
ชาติณรงค์ วิสุตกุล ผู้ช่วยศาสตรจารย์ประจำคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ จบการศึกษาปริญญาโท คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เคยทำงานเป็นนักข่าวและนักเขียนสารคดีที่หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน และเคยเป็นผู้เชี่ยวชาญประจำสถานีวิทยุแห่งชาติจีน (China Radio International) ณ กรุงปักกิ่ง(พ.ศ.2550-2551)
เคยได้รับรางวัลสุภาว์ เทวกุล ปี 2552 จากเรื่องสั้น ใบหน้าของโจโฉ รางวัลชมเชยพานแว่นฟ้า ปี2545 จากเรื่องสั้น ภาพเก่า และเข้ารอบสุดท้ายรางวัลนายอินทร์อะวอร์ด ปี2552 จากเรื่องสั้น หนูน้อยกลางถนนกับคนใจยักษ์ และเรื่องสั้น กบฏเพื่อสันติภาพ ได้รับคัดเลือกตีพิมพ์ในนิตยสารราหูอมจันทร์ ฉบับที่ 5 เดือนตุลาคม 2551 มีผลงานหนังสือรวมเล่มมาแล้ว 4 เล่ม ได้แก่
1. นางฟ้าจากไปแล้ว รวมเรื่องสั้น ปีพ.ศ.2549 สนพ.สยามอินเตอร์
2. คน(ไม่)เหมือนกัน รวมเรื่องสั้น ปีพ.ศ.2554 สนพ.บ้านวารสารฯ
3. สาวน้อยบนตึก นวนิยาย ปีพ.ศ.2558 สนพ.บ้านวารสารฯ
4. กลืนกินความมืด รวมเรื่องสั้น ปีพ.ศ.2560 สน.พ.บ้านวารสารฯ
ติดต่อผู้เขียน : โทรศัพท์ 094-9451451 / E-mail : [email protected]