เปิดเสรีวัคซีนเอกชนมีลุ้น นายกฯส่งสัญญาณบวก ชี้สร้างความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม “ทียู” หนุนเต็มสูบพร้อมควักกระเป๋า รมว.ท่องเที่ยวฯขอโควตาวัคซีนลอตสองจากกระทรวงสาธารณสุข 5 ล้านโดส ปูพรมฉีด 5 จังหวัดแหล่งท่องเที่ยวหลัก “ภูเก็ต-กระบี่-สุราษฎร์ธานี-ชลบุรี-เชียงใหม่”
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า จากที่เอกชนเสนอให้ภาครัฐพิจารณาให้เปิดเสรีการนำเข้าวัคซีนโควิด-19 โดยเอกชนพร้อมออกค่าใช้จ่ายและบริหารจัดการเอง เพื่อความรวดเร็วและสะดวกในการฉีดให้กับพนักงานลูกจ้างของบริษัทของตนเอง เป็นการสร้างความเชื่อมั่นในภาคอุตสาหกรรม ล่าสุด มีการส่งสัญญาณทางบวก หลังวัคซีนโควิด-19 ลอตแรกมาถึงประเทศไทยเมื่อ 24 ก.พ. 2564 โดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม มีท่าทีจะให้มีความอิสระมากขึ้นในการนำเข้าวัคซีน หมายถึงจะเริ่มเปิดนำเข้าวัคซีนอีกหลายยี่ห้อ และให้เอกชนนำเข้าได้เอง แต่ยังต้องรอความชัดเจนอีกครั้ง
ทียูพร้อมซื้อวัคซีน
นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป หรือทียู กล่าวว่า เห็นด้วยที่จะให้ภาคเอกชนนำเข้าวัคซีนเอง เพราะถ้ารอตามไทม์ไลน์ภาครัฐอาจจะช้า อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับนโยบายรัฐว่าจะพิจารณาอย่างไร หากให้นำเข้าเองได้บริษัทก็พร้อมจะนำเข้าเพื่อฉีดให้กับพนักงาน แต่ถ้ารัฐช่วยเอกชนบางส่วนก็จะแบ่งเบาภาระผู้ประกอบการ และขึ้นอยู่กับราคาวัคซีนด้วย
สถานการณ์ล่าสุดของการแพร่ระบาดของโควิดที่ จ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นที่ตั้งโรงงานของทียู ตอนนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบภูมิคุ้มกันรอบ 3 เบื้องต้นประเมินภาพรวมแล้วไม่น่าห่วง เห็นได้จากตัวเลขผู้ติดเชื้อในจังหวัดลดลงมาก
ในส่วนการแพร่ระบาดโควิดรอบใหม่ หลายฝ่ายสอบถามถึงจำนวนผู้ติดเชื้อซึ่งเป็นพนักงานของทียู และไทยรวมสินฯ ไม่น่าห่วงเช่นเดียวกัน เพราะตัวเลขจำนวนที่พบหลายพันคนเป็นผลจากการตรวจเชิงลึก ซึ่งพบว่ากว่า 98% จะไม่แสดงอาการ แต่เมื่อพบก็กักตัวเข้าระบบควอรันทีน โดยประสานกับทางกระทรวงสาธารณสุขโดยตรง
“สถานการณ์ที่สมุทรสาครเรียบร้อย ในการบริหารจัดการ เรามี factory quarantine ซึ่ง ณ วันนี้พนักงานที่ติดเชื้อได้ผ่านควอรันทีนกลับมาทำงานได้หมดแล้ว 100% ทั้งไทยรวมสินฯและทียู ยืนยันได้ว่ามีการบริหารจัดการอย่างดี มีการเตรียมฟาซิลิตี้และโรงพยาบาลสนาม 2-3 แห่ง รองรับได้เกือบ 2 พันคน”
อย่างไรก็ตาม ยังต้องวางมาตรการเข้มงวด จากเดิมที่เข้มอยู่แล้ว อาทิ ให้ใช้หน้ากากอนามัย ถุงมือ มีแอลกอฮอล์ ในกระบวนการผลิตตลอดเวลา จากนี้ไปการรับแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานก็ต้องตรวจสอบเข้มข้นขึ้น
จวกรัฐปล่อยแรงงานลักลอบ
“ถ้าจำได้โควิดรอบแรกเราไม่ได้โดนอะไรเลย เพราะรอบแรกการบริหารจัดการของภาครัฐในชายแดนทำได้ดี รอบ 2 การแพร่ระบาดรุนแรงขึ้น เพราะมีแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบเข้าประเทศโดยไม่ถูกต้อง แต่ขณะนี้ภาครัฐซีลชายแดนดีแล้วก็ไม่น่ามีปัญหา ส่วนการสร้างความมั่นใจให้ผู้นำเข้าในต่างประเทศ หลังบริษัทชี้แจงเรื่องการบริหารจัดการทุกกระบวนการแล้วลูกค้าเชื่อมั่นมากขึ้น”
ยืนเป้า 5% เพิ่มลงทุน 6 พันล้าน
ในส่วนของรายได้ทียูปีนี้ แม้ยังอยู่ในช่วงการระบาดของโควิด แต่ประเมินว่ายอดขายทั้งปีจะยังคงขยายตัวได้ 5% ตามเป้าที่วางไว้ โดยในปีนี้มีแผนจะขยายการลงทุน CAPEX เพิ่มขึ้นจาก 4,000 ล้านบาท เป็น 6,000-6,500 ล้านบาท เน้นไปที่อุตสาหกรรมใหม่ และยังมองถึงกลยุทธ์สร้างการเติบโตด้วยการแสวงหาโอกาสในการเข้าซื้อกิจการ (M&A) เพราะตอนนี้สัดส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 0.94 ถือว่ามีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งพร้อมจะลงทุนมาก
ชงขอวัคซีนฉีด 5 เมืองท่องเที่ยว
ด้าน นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงได้ทำแผนเสนอขอโควตาวัคซีนไปยังกระทรวงสาธารณสุขเรียบร้อยแล้ว โดยในลอตแรกนี้ขอไปจำนวน 5 หมื่นโดส จากทั้งหมดของซิโนแวก 2 แสนโดส ที่ขนส่งเข้ามาแล้วเมื่อ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และลอตที่ 2 อีกจำนวน 5 ล้านโดส จากจำนวน 26 ล้านโดสที่จะเข้ามาในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้
โควตาวัคซีนทั้งหมดนี้จะฉีกให้กับคนที่ทำงานในโรงแรมและธุรกิจท่องเที่ยว ในพื้นที่ 5 จังหวัดเมืองท่องเที่ยวที่พึ่งพารายได้หลักจากภาคการท่องเที่ยว ประกอบด้วย ภูเก็ต, สุราษฎร์ธานี, ชลบุรี, เชียงใหม่ และกระบี่ (ลอตแรกไม่รวมกระบี่)
นายพิพัฒน์กล่าวว่า โควตาดังกล่าวจะใช้สำหรับกลุ่มโรงแรมที่ยื่นขอเป็น area quarantine ซึ่งปัจจุบันเป็นโรงแรมที่เป็น ALQ หรือ alternative local quarantine อยู่แล้วจำนวน 58 โรงแรม รวมกว่า 6,700 ห้องพัก ประกอบด้วย ภูเก็ต 24 โรงแรม จำนวน 2,752 ห้องพัก, ชลบุรี 16 โรงแรม จำนวน 2,522 ห้องพัก, สุราษฎร์ธานี 10 โรงแรม จำนวน 288 ห้องพัก, กระบี่ 7 โรงแรม จำนวน 1,024 ห้องพัก และเชียงใหม่ 1 โรงแรม จำนวน 130 ห้องพัก
“หลังจากคนโรงแรม ท่องเที่ยว ในพื้นที่ 5 จังหวัดได้รับการฉีดวัคซีนลอต 2 ครบในช่วงไตรมาส 3 แล้ว เชื่อว่าจะทำให้ทั้ง 5 จังหวัดท่องเที่ยวของไทยมีความพร้อมสำหรับการรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในระดับหนึ่งแล้ว ซึ่งอาจมีความเป็นไปได้ว่าถึงเวลานั้นนักท่องเที่ยวที่เข้ามาจะไม่ต้องกักตัวตามมาตรการของสาธารณสุขทุกรุปแบบแล้ว” นายพิพัฒน์กล่าว
อย่างไรก็ตาม ระหว่างนี้กระทรวงก็ได้เร่งผลักดันให้ ศบค.เห็นชอบในมาตรการกักตัวในรูปแบบ area quarantine ซึ่งจะครอบคลุมการกักตัวในพื้นที่โรงแรมทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น villa quarantine หรือ hotel quarantine ฯลฯ ซึ่งคาดว่าน่าจะสรุปและประกาศใช้ได้ภายในเดือนมีนาคมนี้