หลังจากครั้งก่อนได้กล่าวถึง 6 ทีมในรอบแชมเปี้ยนส์ลีก ไทยลีก 3 สายบน ไปแล้ว ซึ่งจัดได้ว่าเป็น GROUP OF DEATH เพราะมีสโมสรระดับพระกาฬจาก โซนเหนือ, โซนตะวันออก และโซนตะวันออกเฉียงเหนือ ไปกองอยู่รวมกัน
โดยในคู่ของ อุทัยธานี เอฟซี พบ พัทยา ดอลฟินส์ ยูไนเต็ด จะประเดิมลงเตะเป็นคู่แรกในวันที่ 8 มีนาคม เนื่องจากขุนพล “ช้างป่าห้วยขาแข้ง” ต้องไปเยือน พีที ประจวบ เอฟซี ในศึกรีโว่ ลีก คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศ ในวันที่ 12 มีนาคม นี้
วันนี้เรามาเช็คข้อมูลของทีมโซนล่างกันบ้าง เป็นการดวลกันระหว่างตัวแทนจากโซนตะวันตก, โซนกรุงเทพ-ปริมณฑล และ โซนใต้ ซึ่งถ้าไปดูผลงานที่ผ่านมาของ 6 ทีมนี้ บอกได้เลยว่าแต่ละทีมไม่ธรรมดาจริงๆ
สระบุรี ยูไนเต็ด (แชมป์โซนตะวันตก)
ภายใต้การคุมทีมของ “มิสเตอร์แชมเปี้ยนส์ลีก” ชูศักดิ์ ศรีภูมิ ที่เคยพา ระยอง เอฟซี ประสบความสำเร็จเลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นไทยลีก 1 ในฤดูกาล 2020 มาแล้ว การเข้ามาคุมทีมบ้านเกิดหนนี้ เขาเองก็ไม่ทำให้คนในจังหวัดผิดหวัง หลังผ่านเข้ามาเล่นในรอบแชมเปี้ยนส์ลีก ในฐานะการเป็นถึงแชมป์โซนตะวันตก
ลูกทีมของ “โค้ชชู” มี 2 ผู้เล่นต่างชาติที่น่าสนใจ นั่นคือ ดั๊กลาส ทาร์ดิน กองหน้าชาวบราซิล ที่ยิงไปถึง 7 ประตู กับ เรียว โทมิกาฮาระ จอมทัพชาวญี่ปุ่นที่อยู่กับมาแล้ว 2 ซีซั่น ขณะเดียวกันยังมีหัวหอกสัญชาติไทย ที่มีประสบการณ์มากมายในไทยลีก 3 อย่าง ประสิทธิ์ พัฒนธนาวิสุทธิ์ ซึ่งกดไป 5 ลูก นำทีมเข้ามาเล่นในรอบนี้
แถม “โค้ชชู” ยังประกาศกร้าวหลังการจับสลาก ว่า 2 เกมแรกซึ่งจะได้เฝ้าบ้านพบกับ กระบี่ เอฟซี และ มหาวิทยาลัยปทุมธานี ต้องเก็บ 6 แต้มให้จงได้ ซึ่งถ้าทำได้ก็มั่นใจว่าจะเลื่อนชั้นแน่นอน เพราะหลังจากนั้นยังจะได้เฝ้าฐานบัญชาการของตัวเองเกมในสุดท้ายที่เจอกับ นครศรี ยูไนเต็ด เรียกได้ว่า ไม่ต้องเดินทางให้อ่อนล้าเพื่อไปแข่งขันที่ภาคใต้ เพราะทุกทีมต่างยอมรับว่าการไปเยือนแดนใต้นั้นเป็นงานสุดหิน ทว่า “ขุนพลรถถัง” ไม่ต้องประสบปัญหานี้เลย
มหาวิทยาลัยปทุมธานี (รองแชมป์โซนตะวันตก)
ถือเป็นจอมเซอร์ไพรส์ที่ผ่านเข้ามาเล่นในรอบแชมเปี้ยนส์ลีกได้เป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์สโมสร สำหรับ ม.ปทุมธานี หลังจากได้ “โค้ชเปิ้ล” วรพรรณ ตุ่นต้น มาคุมทีม ซึ่งถือว่าเป็นกุนซือคนหนึ่งที่มีประสบการณ์ในวงการฟุตบอลไทยอย่างมาก เพราะเคยเป็นถึงผู้ช่วยโค้ชในถิ่น แพท สเตเดี้ยม ของ การท่าเรือ เอฟซี มาแล้วในยุคที่ร่วมงานกับ “โค้ชโชค” โชคทวี พรหมรัตน์
โดยหลังเกมที่ ม.ปทุมธานี บุกไปอัด สิงห์ระฆังทอง กาญจนบุรี เอฟซี 5-1 เมื่อวันเสาร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ ทำให้ตารางแบบเรียลไทม์ในวันดังกล่าว พวกเขาทำการลงสนามไปแล้ว 19 นัด มี 36 คะแนน สามารถคว้าตั๋วใบสุดท้ายของโซนภาคตะวันตก เป็นที่แน่นอน ก่อนปิดฤดูกาลด้วยการไปชนะ สมุทรสงคราม เอฟซี อดีตทีมดังในลีกสูงสุด 3-2 ทำให้จบ 20 นัด มี 39 คะแนน
แต่เกมแรกในรอบนี้ ค่อนข้างจะสำคัญไม่น้อย เมื่อพวกเขาจะออกไปเยือนยอดทีมแดนใต้อย่าง นครศรี ยูไนเต็ด ยังดีในเกมที่ 4 จะได้เปิดบ้านรับ กระบี่ เอฟซี เท่ากับว่าไปล่องใต้แค่เกมเดียวเท่านั้น อย่างไรก็ตามทีมนี้มีผู้เล่นมากประสบการณ์ที่ผ่านการเล่นลีกสูงสุดมาแล้วอยู่หลายคน ทั้ง สมภพ นิลวงษ์, สุชนม์ สงวนดี, ณัฐกิจ ฟองวิทู, บัญชา ยิ้มช้อย และ บัณฑิต ปาพ้นภัย ซึ่งน่าจะช่วยทีมได้ไม่น้อยแน่นอน
มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ (แชมป์โซนกรุงเทพ-ปริมณฑล)
นับเป็นการป้องกันแชมป์กลุ่มโซนกรุงเทพและปริมณฑลไว้ได้อีกปี สำหรับ ม.นอร์ทกรุงเทพ โดยผู้เล่นกว่า 60 เปอร์เซนต์ ยังต้องลงทำการแข่งขันในรายการ ช้าง ยู-แชมเปี้ยนส์ คัพ 2022 ไปด้วยเพราะหลายคนศึกษาอยู่กับสถาบันแห่งนี้ ส่วนผลงานในเกมลีกนัดสุดท้ายพวกเขาเอาชนะ ทหารอากาศ เอฟซี 1-0 ทำให้มี 53 คะแนน เท่ากับ บางกอก เอฟซี แต่เฮดทูเฮดดีกว่า คว้าแชมป์สมัยที่ 4 ในลีกล่างของประวัติศาสตร์สโมสร
อีกทั้งยังสร้างสถิติเป็นทีมเยือนที่ยิงประตูได้เยอะที่สุด ในเกมที่ออกไปชนะ อินเตอร์ แบงค็อก 9-0 โดยนัดนั้น เซอร์เกย์ ตูมาสิยาน มิดฟิลด์รัสเซียกดไปคนเดียว 4 ประตู รวมทั้งยังมีผู้เล่นอย่าง โช ซอง ฮวาน อดีตแนวรับทีมชาติเกาหลีใต้ วัย 39 ปี ที่เคยผ่านการเป็นแชมป์เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก 2016 ร่วมกับ ชนบุค ฮุนได มาแล้ว
นอกจากนี้พวกเขายังได้เตรียมความพร้อมไปบ้างแล้วจากการเดินทางไปเล่นเกมอุ่นเครื่องกับ ฉะเชิงเทรา ไฮเทค เอฟซี รองแชมป์จากโซนตะวันออก ซึ่งอยู่ในสายบน ก่อนจะเสมอกันไป 1-1 โดย “บิ๊กออฟ” ภูริพัฒน์ ประวัติรุ่งเรือง รองประธานสโมสร ม.นอร์ทกรุงเทพ หมายมั่นปั้นมือว่าครั้งนี้จะต้องเลื่อนชั้นขึ้นสู่ลีกพระรองให้จงได้
บางกอก เอฟซี (รองแชมป์โซนกรุงเทพ-ปริมณฑล)
แม้เกมสุดท้ายจะถล่ม อินเตอร์ แบงค็อก เอฟซี 6-0 จนเป็นสถิติการยิงเยอะที่สุดในบ้านซีซั่นนี้ แต่ลูกทีมของ เซบาสเตียน นูมันส์ ก็ไม่สามารถคว้าแชมป์โซนกรุงเทพและปริมณฑลได้ เนื่องจากมี 53 คะแนน เท่ากับ ม.นอร์ทกรุงเทพ แต่เป็นรองในเรื่องเฮดทูเฮดจึงจบฤดูกาลในฐานะรองแชมป์เท่านั้น
ถึงกระนั้นก็ยังก็ดีพอให้พวกเขาทะลุมาเล่นในรอบนี้เป็นซีซั่นที่สองติดต่อกัน โดย “กระทิงเพลิง” แห่งย่านบางมด มีกองหน้าดาวซัลโวอย่าง ไคเก้ ริแบร์โร ที่ทำไปถึง 17 ประตู กับอีก 3 แอสซิสต์ นอกจากนี้ยังมีดาวเตะตัวเก๋าอย่าง “บอลลูกไฟ” สมศักดิ์ มุสิกะพันธ์ ที่กดไป 9 ลูก และเมื่อรวมกับคนอื่นๆ พวกเขาคือทีมส่งบอลไปซุกก้นตาข่ายมากที่สุดในโซนเมืองหลวงถึง 55 ลูก
อย่างไรก็ตามเมื่อมองไปที่โปรแกรมของทีมหลังทราบผลการจับสลากก็ถือว่าหนักไม่น้อย โดยเฉพาะการต้องออกไปเยือนทีมจากแดนใต้ 2 เกม ทั้ง กระบี่ เอฟซี วันที่ 19 มีนาคม และ นครศรี ยูไนเต็ด วันที่ 2 เมษายน มารอดูกันว่า บางกอก เอฟซี จะสามารถฝ่าด่านทดสอบหินเหล่านี้ได้หรือไม่
กระบี่ เอฟซี (แชมป์โซนใต้)
อดีตทีมที่เคยยิ่งใหญ่ในลีกพระรอง ก่อนตกชั้นมาสู่ไทยลีก 3 ในฤดูกาลนี้ แต่ด้วยประสบการณ์ที่ไม่น้อยกว่าใคร สุดท้ายก็สามารถคว้าแชมป์โซนใต้มาครองไว้ได้ สำหรับ กระบี่ เอฟซี ที่ยังมี “โกจ๋วน” สมเกียรติ กิตติธรกุล นั่งแท่นในตำแหน่งประธานสโมสร ซึ่งย้อนกลับไปช่วงก่อนเปิดซีซั่น การประกาศแต่งตั้ง “โค้ชจักษ์” ประจักษ์ เวียงสงค์ เข้ามาเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนคนใหม่ถือเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญเลยทีเดียว
นอกเหนือจากประสบการณ์ที่มากมายของกุนซือคนนี้ รวมกับผู้เล่นที่เคยผ่านทีมยักษ์ใหญ่ในไทยลีก 1 ทั้ง โคเน่ เซย์ดู อดีตปราการหลังบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กับ ศิวะพงษ์ เจริญศิลป์ เจ้าพ่อลูกนิ่งที่เคยเล่นกับ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด แต่ “โค้ชจักษ์” ยังปั้น ภุชเคนทร์ จันแดง กองหน้าดาวรุ่งพุ่งแรง ที่โชว์ฟอร์มด้วยการกดไป 11 ประตู รั้งรองดาวซัลโวไทยลีก 3 โซนใต้
“อินทรีอันดามัน” เก็บไปทั้งหมด 54 คะแนน จากการลงเล่นไป 24 แมตช์ และสามารถจารึกสถิติในฤดูกาลที่ผ่านมา ด้วยการเป็นทีมเยือนที่ยิงเยอะที่สุด ในเกมออกไปถล่ม สุราษฎร์ธานี 6-0 มารอดูกันว่าด้วยผลงานร้อนแรงเช่นนี้จะส่งพวกเขาให้โบยบินกลับมาในลีกรองปีหน้าได้หรือไม่
นครศรี ยูไนเต็ด (รองแชมป์โซนใต้)
การได้รองแชมป์โซนใต้ตั้งแต่ยังไม่จบซีซั่น เป็นความสำเร็จแรกของสโมสรแห่งนี้ ในการก้าวไปเล่นรอบแชมเปี้ยนส์ลีกหนแรกของประวัติศาสตร์สโมสร แถมนัดสุดท้ายยังเปิดบ้านชนะแชมป์อย่าง กระบี่ เอฟซี 2-0 ทำให้ นครศรี ยูไนเต็ด มีผลงานในลีก ลงแข่ง 24 นัด ชนะ 15 เสมอ 7 แพ้ 2 เก็บได้รวม 52 คะแนน
ทัพ “มังกรแดนใต้” ในการกุมบังเหียนชของ ยอร์ค สไตน์บรุนเนอร์ กุนซือชาวเยอรมัน สร้างผลงานสุดหรูใน 10 เกมสุดท้าย โดยไม่ปราชัยให้กับทีมใดเลย ไม่ว่าจะเป็น เสมอ ป่าตอง ซิตี้ 2-2, ชนะ สุราษฎร์ธานี เอฟซี 2-0, เสมอ ตรัง เอฟซี 0-0, เสมอ สตูล ยูไนเต็ด 1-1, ชนะ พัทลุง เอฟซี 2-0, ชนะ ยาลอ ซิตี้ 2-0, ชนะ สงขลา เอฟซี 2-1, ชนะ ยังสิงห์ หาดใหญ่ ยูไนเต็ด 2-0, ชนะ นรา ยูไนเต็ด 3-0 และ ชนะ กระบี่ เอฟซี 2-0
ผลงานแบบนี้ไม่ว่าคู่แข่งทีมไหนก็ไม่สามารถมองข้ามไปได้เลย กับการมีขุมกำลังที่ผ่านไทยลีกมาแล้ว ทั้ง ภานุวัฒน์ จินตะ, อดิศักดิ์ เซ็นสมเอียด, ศิวรุต ผลหิรัญ, วสันต์ สมานสินธุ์, อันโตนิโอ แวร์ซูร่า ฯลฯ ตลอดจน ดิเอโก้ โอลิเวียร่า ดาวซัลโวของทีมที่ทำไป 9 ประตู ล้วนทำให้ทีมน่าจับตามองอย่างมากในรอบนี้
เกจิและแฟนบอลหลายคนอาจจะมองว่าสายล่างน่าจะเบากว่าสายบน แต่หากดูลงลึกไปในเรื่องของขุมกำลัง บอกได้เลยว่าแต่ละทีมมีดาราชูโรงและตัวทีเด็ดอยู่มากมาย อีกปัจจัยที่น่าจะเป็นตัวแปรสำคัญก็คือการเดินทางไกล หากมีการวางแผนที่ดีเพียงพอ ก็จะยิ่งช่วยส่งผลต่อฟอร์มการเล่นไปสู่เป้าหมายในการเลื่อนชั้นได้เช่นกัน
โปรแกรมการแข่งขันโซนล่างตลอด 5 เกม มีดังนี้
แมตช์เดย์ที่ 1 วันที่ 13 มีนาคม 2565
สระบุรี ยูไนเต็ด – กระบี่ เอฟซี
นครศรี ยูไนเต็ด – มหาวิทยาลัยปทุมธานี
มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ – บางกอก เอฟซี
แมตช์เดย์ที่ 2 วันที่ 19 มีนาคม 2565
กระบี่ เอฟซี – บางกอก เอฟซี
มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ – นครศรี ยูไนเต็ด
แมตช์เดย์ที่ 3 วันที่ 27 มีนาคม 2565
บางกอก เอฟซี – สระบุรี ยูไนเต็ด
มหาวิทยาลัยปทุมธานี – มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ
กระบี่ เอฟซี – นครศรี ยูไนเต็ด
แมตช์เดย์ที่ 4 วันที่ 2 เมษายน 2565
นครศรี ยูไนเต็ด – บางกอก เอฟซี
มหาวิทยาลัยปทุมธานี – กระบี่ เอฟซี
มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ – สระบุรี ยูไนเต็ด
แมตช์เดย์ที่ 5 วันที่ 10 เมษายน 2565
บางกอก เอฟซี – มหาวิทยาลัยปทุมธานี
สระบุรี ยูไนเต็ด – นครศรี ยูไนเต็ด
กระบี่ เอฟซี – มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ