นักรักบี้ไทยเตรียมตัวให้พร้อมกับการแข่งขันรักบี้ 7 คนชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ศึกปล้ำลูกหนำเลี๊ยบที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ประเดิมคัดภาคอีสาน 4-6 ธ.ค.ที่ จ.มหาสารคาม, ภาคเหนือ ระหว่างวันที่ 11-12 ธ.ค.ที่ จ.เชียงใหม่, ภาคใต้ ระหว่างวันที่ 10-12 ธ.ค.ที่ จ.กระบี่, ภาคกลางและภาคตะวันออก ระหว่างวันที่ 10-12 ที่กรุงเทพ เฟ้นยอดทีมชิงชัย ณ สนามธูปะเตมีย์ ระหว่างวันที่ 17-19 ธ.ค.นี้
ภัคพงศ์ จักษุรักษ์ ประธานและกรรมการฝ่ายจัดการแข่งขันสมาคมกีฬารักบี้ฟุตบอลแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า ทางสมาคมได้กำหนดจัดการแข่งขันรักบี้ 7 คนชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ประจำปี 2564 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นการแข่งขันที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ แต่ในปีนี้ทางคณะกรรมการบริหารสมาคมได้มีมติว่าจะยกเลิกรุ่นอายุ 12 ปี เนื่องจากกลุ่มเด็กอายุ 12 ปียังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน
ส่วนรุ่นอื่นๆสามารถแข่งขันได้ คือ รุ่นอายุ 14 ปี, รุ่นอายุ 16 ปี, รุ่นโรงเรียน, รุ่นอุดมศึกษา และ รุ่นสโมสร ทั้งนี้ทางคณะกรรมการยังกำหนดอีกว่านักกีฬาที่เข้าแข่งขันทุกคนจะต้องได้รับวัคซีนตามนี้คือ วัคซีน mRNA (ไฟเซอร์, แอสตร้าฯ) อย่างน้อย 1 เข็ม หรือ วัคซีนเชื้อตาย (ซิโนแวค, ซิโนฟาร์ม) ต้องฉีดครบโดสคือ 2 เข็ม รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ในสนามทุกคนต้องยึดตามกฎนี้
ส่วนมาตราการป้องกันโควิด-19นั้น ทางสมาคมจะยึดตามหลักปฏิบัติจาก ศบค.ทุกประการ โดยเฉพาะจำนวนคนดูที่จะเข้าชมเกมในสนามได้ 25% ของความจุ ซึ่งการแข่งขันรักบี้ 7 คนชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ประจำปี 2564 จะมีรอบคัดภูมิภาคแบ่งออกเป็น 4 โซน โดยการคัดภาคนั้นทางสมาคมก็จะให้ประธานแต่ละภูมิภาคจัดการแข่งขันมีกำหนดการดังนี้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระหว่างวันที่ 4-6 ธ.ค.ที่ จ.มหาสารคาม, ภาคเหนือ ระหว่างวันที่ 11-12 ธ.ค.2564 ที่ จ.เชียงใหม่, ภาคใต้ ระหว่างวันที่ 10-12 ธ.ค.2564 ที่ จ.กระบี่, ภาคกลางและภาคตะวันออก ระหว่างวันที่ 10-12 ธ.ค. ที่กรุงเทพ เพื่อคัดยอดทีมแต่ละโซนมาแข่งขันรอบชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย ระหว่างวันที่ 17-19 ธ.ค. 2564 ที่สนามกีฬาธูปะเตมีย์
“ทั้งนี้เพื่อความเรียบร้อยอยากจะขอความร่วมมือกับทุกทีมที่มีสิทธิ์เข้าแข่งขันพานักกีฬาเดินทางไปฉีดวัคซีนให้ครบโดสตามที่สมาคมได้แจ้งไว้ ส่วนเรื่องการเข้าชมเกมในสนามนั้นในรอบคัดภาคขึ้นอยู่กับประธานแต่ละภาคว่ามีมาตรการอย่างไร ส่วนรอบชิงชนะเลิศที่สนามธูปะเตมีย์ จะเป็นการดูแลของสมาคม ซึ่งตนได้เตรียมความพร้อมและความปลอดภัยไว้แล้ว แต่ต้องดูสถานการณ์โควิดในไทย และ ศบค. อย่างใกล้ชิด” ภัคพงศ์ กล่าว
Add friend ที่ @Siamsport